คำว่า Visualization นั้นถ้าแปลกันตรงๆก็จะได้ความหมายว่า การทำให้มองเห็น การแสดง และการนึกภาพ ซึ่งแน่นอนว่าภาพเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ผู้คนเข้าใจบางอย่างได้ง่ายขึ้นและยังจดจำได้ดีกว่าตัวอักษร ดังนั้นการเรียนรู้เรื่อง Visualization จึงเป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ เพราะหากเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จะช่วยให้การนำเสนองานของเราได้ดีขึ้น คนดูก็จะเข้าใจรายละเอียดได้มากขึ้นเช่นกัน โดยหยิบยกหลักการที่สำคัญมาฝากดังนี้
- ทำไมต้องใช้ Visualization ? เพราะ จะทำให้เกิดกระบวนการ 3 ประการ
- Effective : ทำให้เห็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยการนำเสนอปกติ และสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
- Convincing : ชักจูงดึงดูดคนดูได้ดี
- Insightful : ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ข้อมูลตัวเลขทำไม่ได้
- Visualization Variable จะมีด้วยกัน 4 แบบ คือ
- Length เป็นแบบความยาว อาจจะเป็นเส้นก็ได้
- Area เป็นพื้นที่แสดงภาพที่มีพื้นที่ปริมาณมากน้อยแตกต่างกันไป
- Brightness เป็นการแสดงความเข้มอ่อนของสีเดียวเท่านั้น
- Hue เป็นการแสดงที่หลากสีสัน
- แนวทางการนำเสนอจะมี 2 รูปแบบ ได้แก่
- Author-Driven โดยเป็นการนำเสนอในรูปแบบที่ผู้เขียนเป็นคนขับเคลื่อน ซึ่งมักจะนำเสนอเป็นเส้นตรง (Linear) รวดเร็ว (Fast) และ ข้อความหรือสิ่งที่จะสื่อค่อนข้างชัดเจน (Clear Messages)
- Viewer-Driven เป็นรูปแบบการนำเสนอที่ผู้มองหรือผู้ดูเป็นผู้ขับเคลื่อนและค้นหาเองในภาพ โดยการนำเสนอแบบนี้จะกระจายไม่เป็นเส้นตรง (Non-Linear) ความเร็วก็อยู่ที่ผู้มอง (Own Speed) และสิ่งที่สื่อสารจะเป็นไปในลักษณะการค้นหาที่ส่วนตัว ผู้มองสามารถดูหรือค้นหาข้อมูลจากภาพได้เองจากจุดที่ตนเองสนใจเท่านั้น (Exploratory / Personal)
หากใครสนใจอยากเรียนรู้ในรายละเอียดสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://space.cbs.chula.ac.th/course/129/item/1706041/ ซึ่งเป็นเรื่องราว Data Visualization สอนโดย อาจารย์ ดร. ภูริพันธุ์ รุจิขจร ( Course Overview : Data Visualization คือ การแสดงข้อมูลเป็นภาพ เพื่อให้ผู้รับสารเข้าใจง่ายขึ้น วิชานี้ จะแนะนำตั้งแต่ความสำคัญของ Data Visualization ตลอดจนการนำแสดงข้อมูลที่ดี และการใช้ Data เพื่อทำ Storytelling)