วิธีติดตั้ง Plugin ใน Redmine

บทความนี้จะมาสอนวิธีการการติดตั้ง Plugin ของ Redmine ซึ่งสามารถทำตามได้ไม่ยาก เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ของ Redmine Plugin ที่เป็นที่รวบรวม Plugin ไว้จำนวนมากที่ https://www.redmine.org/plugins หรือถ้าใครอยากเข้าไปดู Plugin ยอดนิยมก็สามารถเข้าไปได้ที่ https://www.redmine.org/plugins?page=1&sort=rating

สำหรับวิธีการติดตั้งนั้นปกติ Plugin แต่ละตัวก็จะขั้นตอนการติดตั้งบอกเรามาในไฟล์ Readme หรือบอกขั้นตอนไว้ที่หน้าเว็บของ Plugin นั้นๆ เราก็สามารถทำตามได้ไม่ยาก ตัวอย่างสำหรับการติดตั้งในบทความนี้เราจะมาทำการติดตั้ง Plugin Redmine Code Review

โดยก่อนอื่นให้เราไปดาวโหลด Plugin Redmine Code Review ได้ที่
https://www.redmine.org/plugins/redmine_code_review

แล้วนำไฟล์ plugin ที่ได้ unzip แล้วเอาไว้ที่ folder plugins (ในตัวอย่างนี้ใช้ Bitnami redmine เราจะเอาไปวางที่ Bitnami/redmine/apps/redmine/htdocs/plugins)
จากนั้นทำการใช้ command line ไปที่ folder plugin แล้วใช้คำสั่ง rake redmine:plugins:migrate RAILS_ENV=production

หลังจาก run คำสั่งเสร็จแล้ว ก็ทำการ Restart Redmine

จากนั้นถ้าเราเข้าไปที่ Redmine ที่ menu -> Administration -> Plugin

ก็จะเห็น Redmine code review plugin ที่เราพึงติดตั้งเข้าไปก็เป็นอันจบเรียบร้อย สำหรับวิธีการติดตั้ง Plugin ของ Redmine

วิธี Restore ข้อมูลของ Redmine [แบบ Partial]

หลังจากที่เราทำการ Backup แบบ Partial Backup Redmine กันไปแล้วก็มาถึง วิธีการ Partial Restore Redmine
เพื่อทำการกู้ข้อมูลที่เรา Backup ไป โดยวิธีนี้จะถือว่าเพื่อนได้ลง Bitnami Redmine เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

วิธี Partial Restore Redmine

1. ก๊อปปี้ file backup.sql ที่เราได้ไปที่ redmine folder C:\Bitnami\redmine
partial-restore-redmine-image001

2. เช็คว่า Redmine ยังรันอยู่โดยการไปที่ C:\Bitnami\redmine ทำการเปิด manager-windows.exe จะได้ดังรูป Running ทั้งหมด
partial-restore-redmine-image002

3. ไปที่ C:\Bitnami\redmine เปิด use_redmine.bat (ต้อง run as administrator ด้วยนะ)

4. พิมพ์ command line ว่า $mysql -u root -p bitnami_redmine < backup.sql (ไฟล์ backup.sql จะต้องใช้ชื่อให้ตรงกันกับตอนที่ พิมพ์ command line นะ) ใส่ password ที่เราติดตั้ง Redmine เข้าไป ถ้าทำได้ถูกต้องจะขึ้นดังรูปด้านล่าง partial-restore-redmine-image004

5.ขั้นตอนนี้จะทำการ Restore รูปภาพ และไฟล์ที่อยู่ใน Redmine, โดยไปที่ C:\Bitnami\redmine\apps\redmine\htdocs\files , แตกไฟล์ที่เรา backup มาจาก ทับลงไปที่ folder ปีนั้นๆ(ข้างใน folder นี้ก็จะแบ่งเป็นแต่ละเดือนด้านใน)
partial-restore-redmine-image005

วิธี Backup สำรองข้อมูลของ Redmine [แบบ Partial]

และนี้ก็เป็นวิธีที่ 2 สำหรับการ Backup Redmine ก็คือ การทำ Partial Backup Redmine เพราะว่าบางทีเราต้องการข้อมูลเพียงแค่บางส่วนไม่ได้ต้องการ backup ทั้งหมด (เพราะเวลาเราใช้งาน Redmine ไปเรื่อยๆ ไฟล์จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเป็นระดับ Gigabytes ทำให้การทำ Backup แบบ Full ใช้เวลานาน)
โดยวิธีนี้ Partial จะเป็นการแบ่งการ backup เป็น 2 ส่วนก็คือส่วนที่ 1 database ซึ่งจะมีขนาดไม่ใหญ่จะทำการ backup ทั้งหมด และ ส่วนที่ 2 จะ backup ไฟล์ที่ user upload ขึ้นไป ทั้งไฟล์ทั่วไปและรูปภาพ(ส่วนนี้จะมีขนาดใหญ่ ซึ่งเราสามารถเลือก backup ได้)

วิธีการทำ Partial Backup Redmine

1. เข้าไปที่ C:\Bitnami\redmine แล้วทำการรัน ไฟล์ use_redmine.bat (Run as administrator)
partial-backup-redmine-image001

2. พิมพ์ $mysqldump -u root -p bitnami_redmine > backup.sql
แล้วใส่ password ของ database ใน Redmine ด้วย
partial-backup-redmine-image002

3 เราก็จะได้ไฟล์ Backup database ของ Redmine อยู่ที่ C:\Bitnami\redmine\backup.sql (ซึ่งไฟล์ database นี้จะไม่มีรูปภาพ และไฟล์ต่างๆใน Redmine นะ)
partial-backup-redmine-image003

4. สำหรับรูปภาพ และไฟล์ต่างๆใน Redmine สามารถ backup ได้โดย ไปที่ C:\Bitnami\redmine\apps\redmine\htdocs\files ไฟล์ทั้งหมดจะถูกแบ่งเป็นแต่ละเดือน แต่ละปี ให้เราเลือก Backup ได้ตามต้องการ
partial-backup-redmine-image004

และนี้ก็เป็นวิธีการทำ Partial Backup Redmine ซึ่งเราสามารภเลือกที่จะ Backup ไฟล์ใน Redmine ได้ไม่จำเป็นต้อง Backup ทั้งหมดนั้นเอง ส่วนวิธีการ Restore สามารถอ่านต่อได้ที่นี้ วิธี Restore ข้อมูลของ Redmine [แบบ Partial]

วิธี Restore ข้อมูลของ Redmine [แบบ Full]

หลังจากเราได้ทำการ Backup แบบ Full ไปแล้ว ก็มาถึงวิธีการ Restore แบบ full กันบ้าง โดยในกรณีนี้จะถือว่าเครื่องที่จะทำการ Restore ไม่ได้ลง Bitnami Redmine

วิธีการ Restore Redmine แบบ full
1.Restore file โดยการนำไฟล์ที่เรา zip จากการ backup มาแตกไฟล์ลงที่ C:\Bitnami\
FullrestoreRedmine-image001

2. ทำการ run command (ต้อง run as administrator)
FullrestoreRedmine-image002

3. พิมพ์ command cd C:\Bitnami\redmine เสร็จแล้ว Enter แล้วตามด้วย serviceinstall.bat INSTALL เสร็จแล้ว Enter ถ้าไม่มีปัญหาก็จะได้ตามรูปและจะมี หน้าต่าง command line ขึ้นมารันสักพักแล้วก็จะปิดไป
FullrestoreRedmine-image003

4. ไปที่ C:\Bitnami\redmine
แล้ว เปิด manager-windows.exe แล้วกด Start All เพื่อทำการเปิดการทำงานทั้งหมดของ redmine
FullBackupRedmine-image001

FullrestoreRedmine-image004

5. แล้วทดลองเข้าไปที่ 127.0.0.1/redmine ถ้าสำเร็จก็จะขึ้นดังภาพ
FullrestoreRedmine-image005

เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับการกู้คือข้อมูล หรือ Restore ข้อมูลของ Bitnami Redmine ง่ายๆอีกเช่นกัน

วิธี Backup สำรองข้อมูลของ Redmine [แบบ Full]

ในบทความนี้จะมาสอนวิธี Backup Redmine สำรองข้อมูลเพื่อที่จะเอาไว้ใช้ กัน Redmine พัง หรือเก็บเอาไปลงที่เครื่องอื่น
โดยบทความนี้จะสอนวิธี Backup แบบ Full นะ ก็คือ Backup Redmine ทั้งหมด โดยจะใช้ Bitnami Redmine สำหรับ windows

วิธี Backup Redmine แบบ full
1. ให้ไปที่ redmine folder ในเครื่องเรา C:\Bitnami\redmine
FullBackupRedmine-image001

2. ทำการเปิด manager-windows.exe แล้วกด Stop All เพื่อทำการปิดการทำงานทั้งหมดของ Redmine ก่อนที่จะทำการ backup
FullBackupRedmine-image002

3.Zip folder ทั้งหมด ใน C:\Bitnami\redmine
FullBackupRedmine-image003

เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับการ สำรองข้อมูลของ Bitnami Redmine ง่ายๆเลย

ส่วนวิธี Restore สามารถอ่านต่อได้ที่นี้ วิธี Restore ข้อมูลของ Redmine [แบบ Full]

วิธีการติดตั้ง Redmine บน Windows

OK วันนี้จะมาสอนการติดตั้ง Project management ที่ชื่อว่า Redmine บน Windows วิธีการติดตั้งไม่ยากเลยเพราะว่าเราจะติดตั้ง ผ่าน Bitnami ซึ่งเจ้า Bitnami จะเป็น ซอฟแวร์ตัวนึงที่ทำหน้าที่ ติดตั้ง Redmine รวมไปถึง Ruby ลงในเครื่องเรา เพียงไม่กี่คลิกเท่านั้น

มาเริ่มติดตั้งกันเลยดีกว่า

เริ่มแรกไปที่ https://bitnami.com/stack/redmine ด้านขวามือจะเห็นลิงค์ให้ดาวโหลด ให้เลือกของ Windows  DOWNLOAD REDMINE INSTALLER

(more…)

แนะนำ Redmine สุดยอด Software Project Management

Redmine เป็น Project Management Web application หรือ โปรแกรมบริหารการจัดการแบบออนไลน์บนเว็บไซต์ สามารถนำมาใช้งาน Bug Tracking, Feature Tracking หรือ Support Tracking ได้เป็นอย่างดี

(more…)