ทรัพย์สินทางปัญญาของไทยในเวทีต่างประเทศ

ทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างประเทศได้เริ่มตันขึ้นจากการวางระบบอนุสัญญาระหว่างประเทศ 2 ฉบับ คือ

  1. อนุสัญญาปารีส ว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม ค.ศ. 1883

PARIS CONVENTION FOR THE PROTECTION OF INDUSTRIAL PROPERTY

  1. อนุสัญญาเบอร์น ว่าด้วยการคุ้มครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรมค.ศ. 1886

BERNE CONVENTION FOR THE PROTECTION OF LITERARY AND ARTISTIC WORKS

และต่อมาได้มีการก่อตั้งองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการคุ้มครอง

ทรัพย์สินทางปัญญาแก่ประเทศต่างๆทั่วโลกผ่านความร่วมมือระหว่างรัฐและองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ

ซึ่งไทยได้เข้าเป็นภาคีสมาชิกในอนุสัญญาฉบับนี้

 

ความร่วมมือพหุภาคี (MULTILATERAL)

  1. องค์การการค้าโลก (WORLD TRADE ORGANIZATION: WTO)

– ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกจำนวน 164 ประเทศ

– ประเทศสมาชิก WTOจะต้องยอมรับและปฏิบัติตามพันธกรณีของความตกลงว่าด้วยการค้าเกี่ยวกับสิทธิ

ในทรัพย์สินทางปัญญา หรือ TRIPS AGREEMENT ซึ่งมีมาตรฐานการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

ทุกประเภทเช่นลิขสิทธิ์สิทธิบัตรการประดิษฐ์เครื่องหมายการค้าสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์

สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์และความลับทางการค้า เป็นตัน

 

  1. องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WORLD INTELLECTUAL PROPERTY ORGANIZATION: WIPO)

– WIPO ได้รับการสถาปนาเป็นหนึ่งในหน่วยงานพิเศษขององค์การสหประชาชาติ

และมีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางความร่วมมือระหว่างประเทศด้านทรัพย์สินทางปัญญา

– สนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา

1) สนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร (PATENT COOPERATION TREATY: PCT)

2) สนธิสัญญาพิธีสารกรุงมาดริด (MADRID PROTOCOL)

3) สนธิสัญญาความตกลงกรุงเฮก (HAGUE AGREEMENT)

ความร่วมมือทวิภาคี (BILATERAL)

  • สหรัฐอเมริกา
  • สหภาพยุโรป
  • สาธารณรัฐประชาชนจีน
  • ญี่ปุ่น
  • เกาหลี
  • เวียดนาม
  • สปป. ลาว
  • กัมพูชา

ความร่วมมืออาเซียน (ASEAN)

การประชุมคณะทำงานความร่วมมือค้นทรัพย์สินทางปัญญาอาเซียน (ASEAN WORKING GROUP ON INTELLECTUAL PROPERTY COOPERATION: AWGIPC)

– แผนปฏิบัติการด้านทรัพย์สินทางปัญญาอาเซียนปี 2559-2568

 

ที่มาจาก กรมทรัพย์สินทางปัญญา