หลายๆคนที่ใช้งาน WordPress คงจะขาด Plugin ที่ใช้ Cache ตัว WordPress กันอยู่แล้ว ซึ่งมีหลากหลายยี่ห้อหลายเจ้าเหลือเกิน ซึ่งขอบอกไว้ว่าทุกตัวนั้นดีหมดถ้าใช้งานและ Setting ได้อย่างถูกต้อง หลักการทำงานนั้นก็จะคล้ายๆกันคือ เว็บ WordPress ที่เป็น Dynamic ที่การใช้งาน PHP ดึงข้อมูลจาก Database หากมีคนเข้าเว็บเราจำนวนมากก็จะทำให้ Server ทำงานหนัก นำมาแปลงเป็น Static Html แล้วเรียกหน้า Html มาแทนหน้าเดิม
หนึ่งใน Plugin cache ยอดนิยม คงหนีไม่พ้น WP Super Cache ที่ ณ ขณะนี้ มียอดดาวน์โหลดไปแล้ว 1ล้าน+ OMG เนื่องจากยอดโหลดล้นหลามขนาดนี้ เราจะไม่ใช้งานกันได้อย่างไร ซึ่งสำหรับการติดตั้งหลายๆท่านสามารถติดตั้งกันได้ง่ายๆอยู่แล้ว แต่การ Setting นี้สิ มันงงมาก สำหรับบทความนี้จะขอมาแนะนำการ Setting WP Super Cache ก็แล้วกัน
Easy
สำหรับคนที่ต้องการความง่ายรวดเร็ว ไม่ต้องการมาจูนเพื่อรองรับคนจำนวนมากๆก็ กดไปที่ Tab Easy แล้ว กด Caching On (Recommended) ก็จบเลยใช้งานได้เหมือนกัน
Advanced
แต่ถ้าจะให้ถูกต้องรีดประสิทธิภาพ ขอให้เข้ามาที่ Tab Advanced กันสักนิด
การ caching
- เรามาดูกันสวนแรกเลยคือ การ caching อันแรก “Cache hit to this website for quick access.” อันนี้ก็เหมือน Tab Easy Caching On นั้นและ ติ๊กด้วยนะไม่งั้นมันไม่ทำงาน
- แล้วก็จะมีการ Caching 3 แบบ อันนี้แนะนำให้ใช้งาน “Use mod_rewrite to serve cache file” นะเพราะทำงานได้เร็วที่สุด(อย่าลืม update Mod rewrite rule ด้วย หลังจากกด Update status แล้ว) ถ้าใครใช้งานไม่ได้ให้เลือก “Use PHP to serve cache files” ตัวนี้ความเร็วรองลงมา
ถัดมา Miscellaneous แนะนำให้ ติ๊ก 3 คือ
- “Compress pages so they’re served more quickly to visitors” บีบไฟล์ cahce html ของเราให้เว็บโหลดได้เร็วขึ้น แต่ต้องระมัดระวังเพราะ host บางทีไม่ Support
- “Don’t cache pages for known users” ติ๊กด้วยเวลาเรา Login เข้ามาแก้ไขตัวเว็บจะได้เห็นหน้าเว็บ update จริงๆ ไม่ได้เอา cache มาแสดงให้ admin เห็น
- “Cache rebuild. Serve a super cache file to anonymous user while a new file is being generated” ติ๊กด้วย สำหรับตัวนี้
Advanced ของ Advanced อีกที (Advanced มาก)
- ติ๊ก “Mobile device support” สำหรับตัวนี้จะต้องใช้ร่วมกับ Plug in ตัวอื่นนะ Jetpack’s Mobile Theme Module, WPTouch, WordPress Mobile Edition, หรือ WordPress Mobile Pack แต่สำหรับท่านที่ theme Support responsive design แล้วไม่ต้อง ติ๊กก็ได้
- “Clear all cache file when a post or page is published or updated.” ติ๊กเลยจ้า เวลาเรา update จะได้เคลียร์ cache ออกไป bot จะได้เห็น เว็บเรา update
OK สำหรับ ชุดแรกของ Tab Advanced กดปุ่ม Update status ได้เลย อย่าลืม update Mod Rewrite Rules ด้วย สำหรับท่านที่เลือก cache Use mod_rewrite
ถ้า เราใช้งาน WordPress แค่พื้นฐาน Setting แค่นี้ก็เพียงพอต่อการรองรับคนเข้าได้ระดับหนึ่ง
ขอจบตอนแรกเท่านี้ ก่อน หากใครอยากจะ Setting เพื่อรองรับคนเข้ามากๆ ก็ไปอ่านตอนที่ 2 ได้นะ